วันอาทิตย์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2554

การตลาดระหว่างประเทศ

การตลาดระหว่างประเทศ 

          Domestic Marketing คือ ระยะที่ธุรกิจดำเนินการทางการตลาดภายในประเทศ
          ระยะนี้ถือเป็นระยะเริ่มแรกในการทำธุรกิจ โดยธุรกิจจะเริ่มจากการทำการตลาดภายในประเทศ โดยจะมีการศึกษาตลาด หาข้อมูลทางการตลาด จากข้อมูลภายในประเทศเพื่อใช้ในการตัดสินใจทางกลยุทธ์ และการวางแผนในการทำธุรกิจ เช่น
          - การหาข้อมูลความต้องการจากลูกค้าภายในประเทศ
          - แนวโน้มการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศ
          - แนวโน้มการเจริญเติบโตของอุตสาหกรรมของตลาดในประเทศ
          - การพัฒนาเทคโนโลยี และสภาพแวดล้อมทางการเมืองภายในประเทศ
          ทั้งนี้ การศึกษาคู่แข่งก็ควรศึกษาคู่แข่งจากภายในประเทศ โดยวิเคราะห์คู่แข่งออกมาด้วย เพื่อจะได้รู้ทิศทางการตั้งรับ หรือจู่โจมทางการต่อสู้ ซึ่งคู่แข่งใน Domestic Marketing นี้ คือคู่แข่งที่ดำเนินธุรกิจอยู่ในท้องถิ่นเดียวกัน ซึ่งอาจมาได้จากคู่แข่งในประเทศ หรือคู่แข่งจากตลาดระหว่างประเทศ ที่เข้ามาในท้องถิ่นนั้น ๆ
       
          Export Marketing คือ ระยะที่ธุรกิจดำเนินการทางการตลาดโดยการส่งออกไปยังตลาดระหว่างประเทศ
          ระยะนี้ เป็นระยะที่พัฒนามาจาก Domestic Marketing ซึ่งเมื่อธุรกิจได้มีการดำเนินธุรกิจในตลาดในประเทศไปได้ระยะหนึ่งแล้ว อาจจะพบว่าตลาดที่ทำอยู่มีความแคบลง หรือคู่แข่งมีมาก หรือพอมองเห็นกำไรจากตลาดอื่น ๆ และอาจจะพบว่าคลังสินค้า มีสินค้าคงเหลืออยู่มากเกินไป เลยต้องหาตลาดใหม่ในการกระจายสินค้าบ้าง
          ดังนั้นเลยเป็นที่มาของการส่งออกวิธีนี้ต้องเน้นไปที่การตอบสนองความพอใจของลูกค้า และสร้างความพึงพอใจของลูกค้าในตลาดระหว่างประเทศให้ได้ การส่งออกนี้ถือว่าเป็นขั้นตอนแรกของการทำธุรกิจระหว่างประเทศ มีความซับซ้อนน้อย และง่ายที่สุดในการเริ่มต้นทำธุรกิจระหว่างประเทศ
         
          International Marketing คือ ระยะที่ธุรกิจดำเนินการพัฒนาสู่ตลาดระหว่างประเทศ
          ระยะนี้ เป็นการพัฒนามาจาก ระยะ Export Marketing ซึ่งเมื่อทำการส่งออกไปได้ ซักระยะ ธุรกิจอาจจะมีความประสบความสำเร็จ แต่เมื่อไปได้อีกสักพัก ธุรกิจอาจจะค้นพบว่า มีอุปสรรคและปัญหาต่าง ๆ ที่ทำให้การทำธุรกิจระหว่างประเทศต้องสะดุด เช่น
          - ความต้องการที่แตกต่างกัน ของลูกค้าในตลาดระหว่างประเทศแต่ละแห่ง
          - ความแตกต่างทางด้านกฏหมาย และข้อบังคับในตลาดระหว่างประเทศแต่ละแห่ง
          - ความแตกต่างทางด้านอัตราค่าขนส่ง และอัตราค่าภาษีกรมศุลกากรของตลาดระหว่างประเทศแต่ละแห่ง
          - ความแตกต่างทางด้านกายภาค และสภาพแวดล้อมของตลาดระหว่างประเทศแต่ละแห่ง
          - การกีดกันทางการค้า ของตลาดระหว่างประเทศแต่ละแห่ง

ปัญหาและอุปสรรคที่กล่าวไป เป็นสิ่งทีทำให้เกิดปัญหาในการส่งออกทั้งสิ้น เช่น
          - เช่นทำให้ราคาสินค้าแพงขึ้น
          - ทำให้การขนส่งสินค้าไปจำหน่ายในตลาดระหว่างประเทศเป็นไปอย่างยากลำบากมากขึ้น
วิธีแก้ปัญหาจากอุปสรรคเหล่านี้ ผู้ประกอบการ หรือนักการตลาดระหว่างประเทศ ต้องพยายามปรับกลยุทธ์ตามตลาดแต่ละประเทศ เพื่อหลีกเลี่ยงอุปสรรคเหล่านั้น เช่น
          - เลือกการจ้างผลิต หรือทำการตั้งฐานการผลิต ในตลาดระหว่างประเทศแทนการส่งออก
         
          Multinational Marketing คือ ระยะที่ธุรกิจดำเนินการพัฒนาสู่ตลาดนานาชาติ
          ระยะนี้ เป็นระยะที่พัฒนามาอีกขั้นจาก International Marketing คือเมื่อรับรู้และเข้าใจถึงปัญหา อุปสรรค ความคล้ายคลึง หรือความแตกต่างของตลาดแต่ละแห่งแล้ว ธุรกิจก็จะสามารถสร้างผลประโยชน์เข้ามาสู่กิจการได้ เช่น
          - ทำให้ธุรกิจระหว่างประเทศสามารถสร้างผลประโยชน์จากขนาด Economic of Scale
          - ทำให้ธุรกิจระหว่างประเทศสามารถสร้างผลประโยชน์จากการประหยัดทรัพยากรร่วมกัน Economic of scope

          Global Marketing คือ ระยะที่ธุรกิจดำเนินการพัฒนาไปสู่จุดที่เรียกว่า ตลาดระดับโลก
          ระยะนี้ เป็นระยะที่มีแนวความคิดที่ได้เปรียบมาก จากเริ่องของทรัพยากร เช่น ต้นทุน และมีการบริการการจัดการแบบรวมอำนาจ คือ มีการตั้งบริษัทแม่ แล้วมีเครือข่ายสาขาขยายออกไปทั่วโลก ระยะนี้ จะให้ความสำคัญกับ
          - มองตลาดโลก เป็นตลาดแห่งเดียว
          - พยายามลดต้นทุนการผลิต ค่าใช้จ่ายการทำงานที่ซ้ำซ้อนลงของแต่ละสาขาทั่วโลก เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ
          - จะมีการเปลี่ยนแนวความคิด และมีการแลกเปลี่ยน เคลื่อนย้าย ทุน แรงงาน สินค้า เทคโนโลยี ข้ามสาขากันทั่วโลก
          - จะมีการพัฒนาโครงสร้างทางการติดต่อสื่อสาร และเครือข่ายทางการตลาดระหว่างประเทศ เพื่อพัฒนากลยุทธ์ระดับโลก

          Gross National Product –GNP- คือ ผลิตภัณฑ์ประชาชาติ
          คือ มูลค่าของสินค้า และบริการขั้นสุดท้าย อันเกิดจากการดำเนินการสร้างมูลค่าของประชาชน หรือธุรกิจประเทศนั้น ๆ ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง หรือมูลค่าจากทรัพยากรที่ประชาชนประเทศนั้นเป็นเจ้าของ
          GNP สามารถคิดได้อีกแบบหนึ่ง คือ นำผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศบวกกับมูลค่าที่ประชาน หรือธุรกิจของประเทศนั้น ๆ สามารถสร้างในต่างประเทศแล้วหักออกด้วยรายได้ของชาวต่างชาติ
          Non-Tariff Barriers คือ การกีดกันแบบอื่น ๆ คือ การตั้งข้อบังคับอื่น ๆ เพื่อกีดกันการนำเข้าสินค้า และบริการ หรือทำให้การนำเข้าเป็นไปอย่างยากลำบากมากขึ้น เช่น ตั้งมาตรฐานสินค้าและบริการให้สูงมาก ๆ


 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น